เมื่อเดินขึ้นไปที่ชานชาลา ฉันเห็นชินคันเซ็นสองคันจอดอยู่ทางด้านซ้ายและด้านขวา รถไฟขบวนหนึ่งมีที่นั่งแทบทุกที่นั่ง

มาลีบอกว่าคนเหล่านี้ติดค้างอยู่ที่สถานีตั้งแต่เมื่อคืนนี้ เนื่องจากเกิดดินถล่มในหลายพื้นที่ จึงจำเป็นต้องหยุดรถไฟกะทันหัน ประตูของขบวนอื่นปิดสนิท ไม่มีใครอยู่ในนั้น เราเดินไปที่ชานชาลาที่มีคนเข้าคิวรออยู่แล้ว คาดหวังแค่ไหนจากการรอคอยรสหวาน เฉพาะคนไข้เท่านั้นที่สัมผัสได้

ขณะที่ฉันเดินเข้าห้องน้ำเพื่อถ่ายของเหลวออกจากร่างกาย ช่างถ่ายวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับชะตากรรมโทรมาบอกข่าวดีว่ารถไฟชินคันเซ็นที่อยู่กับที่ตอนนี้สว่างขึ้น เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผมก็รีบเดินครึ่งวิ่งกลับไปที่ชานชาลาโดยไม่ลืมล้างมือ ขณะที่เขาเดินไปที่ชานชาลา เขาเห็นว่ารถไฟตื่นแล้ว ผู้คนที่มารอเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบหวังว่าจะได้ออกในไม่ช้า แถวม้วนตัวเป็นงู แต่ก็ยังรู้ว่าใครเป็นคนแรก

ภาพที่ฉันเห็นทำให้ฉันนึกถึงหลายสิ่งหลายอย่าง เหตุการณ์ที่ฉันเคยเห็นในจอทีวีเมื่อญี่ปุ่นประสบภัยพิบัติและผู้คนเข้าแถวซื้ออาหารหรือสิ่งของอย่างเป็นระเบียบ สถานการณ์จะหนักแค่ไหน ญี่ปุ่นก็ยังเป็นญี่ปุ่น ลูกของดวงอาทิตย์ก็เป็นลูกของดวงอาทิตย์เช่นกัน

ดร.กฤตินี พงศ์ธนาเลิศ เจ้าของนามปากกา เกตุวดี ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์ของ The Cloud เคยให้สัมภาษณ์ว่า การสร้างชาติของญี่ปุ่นเน้นเรื่องวินัย และพฤติกรรมที่ไม่เป็นระเบียบ เช่น การเข้าคิวถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทางสังคม

นั่นทำให้แม้ในยามยากลำบากที่แต่ละคนควรใช้สัญชาตญาณการเอาตัวรอด แต่ดูเหมือนทุกคนจะควบคุมตัวเองได้ดีมาก แม้จะเร่งรีบที่สุด หิวที่สุด กระหายมากที่สุด ยากที่สุด และสิ้นหวังที่สุด คนญี่ปุ่นก็รู้วิธีรอเช่นกัน และแล้วการรอคอยของพวกเราทุกคนก็สิ้นสุดลงหลังจากรอนานกว่า 6 ชั่วโมง

เมื่อประตูชินคันเซ็นเปิดออก วิวสองข้างทางมืดแต่เหมือนเห็นแสงสว่าง จูนเนอร์แปลเป็นภาษาญี่ปุ่นเป็นระยะๆ เมื่อรถเคลื่อนตัวไปยังแต่ละสถานี เขาประกาศขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องทนทุกข์ โดยย้ำว่าเขาประกาศหลายครั้ง

อันที่จริงไม่ต้องขอโทษก็ได้ ทุกคนรู้ดีว่านี่ไม่ใช่ความผิดของผู้ให้บริการ นี่เป็นภัยธรรมชาติที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา แต่ญี่ปุ่นยังคงเต็มไปด้วยความรับผิดชอบ โดยเฉพาะความรับผิดชอบ แตกต่างจากบางเมืองที่เรื่องนี้ยังห่างไกล

ติดตามบทความ / ข่าวสารเพิ่มเติม ได้ที่ : home-suitehome.com